นอกรอบ รอบนี้ ขอมาเป็นซีรีย์ ลุยคนเดียว หนีเอาความว้าวุ่นไปทิ้งบนดอยที่จังหวัดเชียงใหม่ ขอไปเติมพลังชีวิตทบทวนสิ่งต่างๆ พักผ่อน อยู่กับตัวเองให้มากขึ้นหน่อย จะได้มีแรงกลับไปทำงานต่อออออ
ลองจัดทริปเลยดีกว่า แพลนคร่าวๆ หาอ่านรีวิว ดูยูทูป ไปมาจนตกผลึก รอบนี้ต้องไป 4ที่หลักๆ ให้ได้ ตามนี้เลย
1.มีนาโฮมสเตย์ บ้าน ห้วยกุ๊บกั๊บ 3 ฤดูในวันเดียว ทะเลหมอก และ ทางช้างเผือก
2.ไร่ชาลุงเดช หุบเขา ไร่ชา และความสงบ
3.Le Chi Pu ใช้ชีวิตกลางทุ่งนา และ มิตรภาพ
4.Doolaylay ต่างคนต่างมา ต่างมารู้จักกันและร่วมกิจกกรมไปด้วยกันแบบฟีลกู้ด
ไม่รอช้า เช็คตารางงาน เช็ควันลา กดลาไปเลย 5วัน จ-ศ อยู่ไปก็ทำงานไม่ได้อยู่ดี จองตั๋วเครื่องบิน ขาไป ขาเดียวพอ วันกลับค่อยดูอีกทีเผื่อติดลมอยู่ต่อ ติดต่อที่พักทั้งหมด ในแต่ละคืน วางแผนว่าจะไปไหนบ้าง นอนไหนบ้าง เดินทางยังไงดี พร้อมละ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก จัดการล่วงหน้าแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น ทุกอย่างก็พร้อม ที่พักก็ว่าง เพราะไปช่วงฤดูฝนด้วยแหละ คนเลยไม่ค่อยไปกันเยอะ ตั้งเป้าหมายในทริปนี คือ ปล่อยตัว ปล่อยใจ และปล่อยจอย ไปลุ้นเอาข้างหน้าจะเจอกับอะไรบ้าง กับการ Backpack เที่ยวคนเดียว ลุยคนเดียว
เริ่มต้นวันเดินทาง ไปเชียงใหม่กั้นน
ไม่ทันไรก็มีเรื่องบันเทิงละ สายการบิน เลื่อนเวลาเฉย จาก 6โมง เป็น 10โมงเช้า โอ้วแม่เจ้าา แพลนที่วางไว้ชิบหายละ กะว่าไปถึงเชียงใหม่ โบกรถเข้าเมือง หาไรกินชิวๆ แล้วค่อยไปขึ้นรถทัวร์ต่อแบบไม่รีบร้อนตอนบ่ายโมงใสๆ
ไม่ได้ละกลายเป็น เครื่องแลนด์ถึงเชียงใหม่ เที่ยงพอดี กว่าจะออกมาได้ เที่ยงครึ่ง หา Taxi ไป ท่ารถช้างเผือกโดนไป 150 บาท ถึงท่ารถช้างเผือก แบบชิวเฉียด ซื้อตั๋วรถทัวร์ สายฝาง ต่อ เพื่อลงตรง ปากทางแม่ตะมาน รอบบ่ายโมงแบบพอดี จ่ายค่ารถไป 36 บาทขึ้นรถปุ๊ป แล้วรถก็ออกปั๊ป เป๊ะ ทุกอย่าง เกือบตกรถ ไม่งั้นต้องรออีกชั่วโมงนึงแน่ๆ เพื่อรอรถรอบถัดไป
รถเริ่มออกเดินทางบ้านห้วยกุ๊บกั๊บ
อย่าลืมบอกกระเป๋ารถทัวร์ด้วยนะว่า ลงปากทางแม่ตะมาน จอดให้ด้วย ไม่งั้นได้นั่งเลยไปถึงปายแน่นอนน ใช้เวลาเดินทาง ชั่วโมงกว่าๆ กระเป๋ารถก็มาปลุก เพ่ถึงแล้วลงได้โลด ลงจากรถมาก็เป็นทางแยก จะเป็นเส้นทางเข้าไปทางแม่แตง โทรหาที่พักว่าถึงปากทางแล้ว เดี๋ยวรถจะมารับประมาณ บ่าย 2ครึ่ง ยังพอมีเวลา ซึ่งตอนนี้หิวมากกกก ยังไม่ได้กินไรเลยตั้งแต่ขึ้นเครื่องมา เปิด Map ดูเอ้ยมีคาเฟ่ ใกล้ๆนี่หว่า เดินไปประมาณ 200 เมตรได้ ต้องมีข้าวขายแหละ ไปรอที่นั้นก็ได้ ชื่อว่า สวนสน คาเฟ่ ใครที่จะเดินทาง ก็สามารถรอรถที่จะมารับเข้าไปยังที่พัก ก็สามารถให้รถมารับที่นี่ได้นะ มีข้าว ชา กาแฟ ขาย
ต่อรถเข้าบ้านห้วยกุ๊บกั๊บ
เตรียมพลังงานเรียบร้อย สักพักรถก็มารับ จ่ายค่ารถแบบเหมาๆไป 300 บาท เพราะมาคนเดียว ถ้ามาหลายคนก็แชร์กันได้สบายๆ ใช้เวลาเดินทางไปจุดที่ที่พักนัดไว้ ตรงล่องแก่งโฮมสเตย์ ประมาณ ชั่วโมงนึง เส่้นทางถนนยังปกติดี ระหว่างทาง มีหลายที่เที่ยวน่าสนใจหลายจุดอยู่นะ ไม่ว่าจะเป็น ปางช้าง มาขี่ช้าง พาช้างอาบน้าม และก็จุดล่องแก่งด้วยน่าสนใจ
ถึงจุดนัดรับของโฮมสเตย์ละที่ บ้านแก่งโฮมสเตย์ คราวนี้แหละต้องเปลี่ยนเป็นรถกระบะ 4×4 เพื่อขึ้นไปยังหมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บบนดอย จ่ายค่ารถเพิ่มอีก แบบเหมา 200 บาทไป-กลับ เช่นเดิม ถ้ามาหลายคนก็สามารถแชร์กันได้เส้นทางขึ้นไปยังหมู่บ้านบอกเลยว่า โหดดด เอาเรื่อง เป็นถนนลูกรัง ดินโคลน และอีกอย่างก่อนหน้านี้ฝนพึ่งตกไป ถนนยังเปียก เป็นหลุม น้ำขัง ตลอดเส้นทาง และยังเป็นทางชันขึ้นเขา ขดเคี้ยวไปมาตลอดทาง ใครไม่ไหวขอนั่งหน้าโลด แต่ถ้าไหว นั่งด้านหลังจับราวดีๆนะ เพราะมันกระแทกและเหวี่ยงตลอดเส้นทาง ไม่ได้มีนั่งพักชิวๆเลย ก่อนจะขึ้นไป มีร้านค้าร้านสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุด อยากซื้อไรซื้อตุนไว้เลยนะ ขนม เครื่องดื่ม เพราะด้านบนไม่มีร้านค้าแล้ว
ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ ครึ่งชมกว่าๆ แต่เหมือนเดินทางเป็นชั่วโมงเลย เพราะเหนื่อยกับเส้นทางมาก ทั้งกระแทก ลื่นไปมา รวมทั้งลุ้นด้วยว่ารถจะไปรอดไหม แต่ระหว่างทางมีวิวที่สวยมากเลยคือไร่ข้าวโพด ที่ปลูกตามไหล่เขากว้างสุดลูกหูลูกตามากก คนขับที่ขับขึ้นมาได้นี่คือเซียนมาก ตะลุยเส้นทางจนไปถึงที่พักอย่างปลอดภัย ซึ่งพี่คนขับก็คือเจ้าของบ้านพักมีนาโฮมสเตย์นี่เองพี่เขาบอกว่าขับขึ้นลง ทุกวันจนชินละ นี่เส้นทางดีขึ้นแล้วด้วยนะ ก่อนหน้านี้ฝนตกหนักๆ เส้นทางเละกว่านี้ และ ยากกว่านี้มาก
ถึงที่พัก มีนาโฮมสเตย์ @ ห้วยกุ๊บกั๊บ
เป็นที่พักที่อยู่ด้านบนสุดของหมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บเลย และอีกอย่างที่พิเศษกว่านั้น ผมเป็นคนเดียวที่พักที่นี่ในคืนนี้!! นั้นก็คือเหมือน เหมาโฮมเสตย์อยู่คนเดียวไปเลยยยย
เปิดประตูเข้าสู่มีนาโฮมสเตย์ ก็พบกับวิวสุดอลังการ ทิวเขาด้านหน้าที่ เห็น 180องศา หน้าระเบียงที่พักเลย ทิวเขาเรียงรายสลับโดยรอบเลยป่าเขียวชะอุ่ม ที่พักเท่าที่เดินสำรวจมีอยู่ประมาณ 6-7 ห้อง รองรับนักท่องเที่ยวได้หลากหลายกลุ่ม หรือแบบมาคนเดียวก็ได้ มีทั้งห้องใหญ่ห้องเล็ก เป็นแบบชาวบ้าน ที่พักที่นี้บอกก่อนเลยว่า ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงนะ ไฟฟ้าที่ใช่ในบ้านพักเป็นไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ ใช้สอยกันอย่างพอดี
ในห้องพัก ที่ผมได้ เป็นห้องเล็กด้านหน้าสุด เปิดหน้าต่างมาเจอ วิวได้เลย ในห้องก็มี มุ้ง ฟูก ผ้าห่ม ให้พร้อม ไม่มีพัดลมกับแอร์นะ เพราะข้างบนนี้อากาศเย็นตลอดดด และแถม แมวเจ้าไข่ดิบมาให้อยู่เป็นเพื่อนอีก 1 ตัว
ลงไปสำรวจหมู่บ้าน ห้วยกุ๊บกั๊บ
ยังมีเวลาเหลือก่อนพระอาทิตย์จะตก ขอเดินลงไปสำรวจในหมูบ้านห้วยกุ๊บกั๊บหน่อยละกัน ซึ่งเส้นทางก็คือ ทางที่รถขึ้นมานั้นแหละ ไม่ไกลนักเดินประมาณ 200 เมตร ได้ แต่เส้นทางคือ ชันและเละมาก ต้องมีไม้ค้ำเดินด้วยไม่งั้นลื่นแน่นอน ทางผ่านที่ลงไปก็จะมีโฮมสเตย์หลายหลังมาก
ซึ่งส่วนมากและก็เป็นโฮมสเตย์ที่ชาวบ้านที่นี่สร้างและเปิดให้เข้าพักกัน วิวก็จะแตกต่างกันไป เดินต่อไปเรื่อยๆก็จะผ่านวัดประจำของหมู่บ้านนี่ และลงไปถึงน่าจะเป็นศูนย์กลาง หมู่บ้าน ซึ่งที่นี่มีอยู่ไม่กี่หลัง และมีคาเฟ่ เปิดด้วยนะ ชื่อว่า มาลำบาก คาเฟ่ สมชื่อเลยจริงๆ เดินลำบากมากกว่าจะถึงเป็นร้านเล็กๆ มีเมนูอยู่นิดนึง ส่วนใหญ่เป็น เครื่องดื่มชง เป็นคนในหมู่บ้านมาเปิดบ้านทำเป็นร้าน ให้เข้ามานั่งพักผ่อน ชมวิวได้ ราคาก็น่ารัก สบายกระเป๋า
อยู่ที่คาเฟ่นี่สักพักหนึ่งเมฆฝนดำปื้ด มาไกลนู้นแล้วริบๆ รีบเดินกลับที่พักเหอะเดี๋ยวไม่รอดเอา คราวนี้สวนทางกับตอนมาที่เป็นขาลงเขา ตอนนี้ต้องเดินกลับขึ้นเขา พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ทำไมมันชันและลื่นงี้ฟะ และไม่พลาดลื่นสิครับ เละเทะมาก
กลับมานั่งดูฝนที่ มีนาโฮมสเตย์ @ ห้วยกุ๊บกั๊บ
กว่าจะถึงที่พักมอมมากและก็เหนื่อยมากแทบหมดแรง ถึงที่พักสักพัก ฝนก็เทลงมาจริงๆ นั่งดูฝนตกฉ่ำๆเลย ก็ได้อีกฟีลหนึ่งดีเหมือนกันนะ ปล่อยให้ร่างกายและสมองได้พักไปกับบบรยากาศด้านหน้า นั่งเฉยๆไม่ต้องคิดอะไร ปล่อยจอย ไปให้หมดทุกอย่าง
ฟ้าหลังฝน บ้าน ห้วยกุ๊บกั๊บ
ฝนก็เริ่มหยุดตกละ ก็ได้เจอสิ่งที่สวยงงามมากของวันนี้เลย ก็คือ คำว่า “ฟ้าหลังฝน มักสวยงามกว่าเสมอ” และมันก็สวยงามจริงๆ บนบ้านห้วยกุ๊บกั๊บแห่งนี้ ที่มีวิวแบบ 180 องศามองได้รอบทิศ ภูเขาหลังฝนตกมา มันเขียวชะอุ่ม เหมือนได้น้ำไปแล้วมันสดชื่นขึ้นมา พร้อมกับท้องฟ้าที่พระอาทิตย์กำลังจะตกสีส้มๆ ด้านหนึ่งก็เป็นจุดที่ฝนหยุดตกแล้ว ท้องฟ้าสดใส อีกด้านหนึ่งก็ยังเป็นจุดที่ฝนยังตกอยู่ เป็นกลุ่มเมฆที่ลอยไปเรื่อยๆ มันผสมผสานกันได้แบบว่าสวยงามจริงๆ แสงแดดทางส่องลอดออกมาใต้ท้องเมฆ ที่ลอยไปมามันสวยจริงๆ กับฟ้าหลังฝนมันสวยงามกว่าเดิมเสมอ คำนี้มันใช่เลย
ย่างหมูกระทะ วิว 180 ห้วยกุ๊บกั๊บ
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แม่มีนา ก็จัดให้ผมเป็นพิเศษเลยคือชุดหมูกระทะ กินคนเดียวแบบจุกๆ หมู เบค่อน สามชั้น ไส้กรอก เห็ด ผัก ไข่ เต็มมาก พร้อมกับบรรยากาศ นั่งปิ้งหมูกระทะไป กินไป ดูวิวพระอาทิตย์ ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไป มันโคตรจะฟินเลยคับบบและก็ตามที่คาดการณ์ไว้ กินไม่หมดครับ!!! มันเยอะมาก แต่ก็เป็นการใช้เวลากินหมูกระทะที่นานนมาก น่าจะ3 ชั่วโมงได้ ตั้งแต่ 5โมงเย็น จนถึง 2ทุ่ม กินบรรยากาศไปเรื่อยยยย อิ่มทั้งกายอิ่มทั้งสมอง อิ่มทั้งใจ มันฟีลดีมากๆๆ
กลางคืนที่เงียบสงบใน ห้วยกุ๊บกั๊บ
ถึงเวลากลางคืนละอย่างที่บอกไปคือทุกอย่างที่นี้ใช้ไฟฟ้าโซลล่าเซลล์ ดังนั้นแล้วแสงสว่างที่นี้ก็ไม่ได้เยอะมากมายนัก มีเป็นจุดๆไป ถึงเวลาไปอาบน้าม คือที่นี่ ไม่มีน้ำอุ่นนะ!!! และตอนกลางคืน อากาศเย็นมาก และน้ำก็เย็นมากเช่นกันนนอาบน้ำแบบรวดเร็วสดชื่นจัดและหนาวจัด ที่นี่ตอนกลางคืน มันเงียบสงบมากก เป็นเพราะว่าน่าจะเป็นนักท่องที่ยวคนเดียวในบ้านนี้ และระแวกข้างๆก็ได้นะ มองไปรอบๆแล้วไม่มีใครมาเที่ยวเข้าพักเลย ปิดไฟกันหมด ก็ดีนะรู้สึกว่าได้มาพักผ่อนจริงๆได้ทั้งความสงบ ความสดชื่น ความเงียบงัน
ทางช้างเผือก บนบ้านห้วยกุ๊บกั๊บ
ก่อนจะเข้านอน ก็ลากเก้าอี้มานั่งอยู่กลางระเบียง ชมบรรยากาศไปเรื่อย ท้องฟ้าที่ค่อยๆเปิดออกหลังจากฝนเทลงมา ก็เริ่มเจอกับดาวเต็มท้องฟ้าไปหมดและสิ่งที่ตามหาและไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ นั้นก็คือ ทางช้างเผือก มันโผล่ออกมาให้เห็นแล้วสวยมากๆ แล้วก็ดาวที่เต็มท้องฟ้าไปหมด มันสวยเกินกว่ากล้องจะเก็บภาพออกมาได้ ได้เห็นด้วยตาเปล่ามันดีมากๆเลย ถือว่าเป็นค่ำคืนที่ได้ปลดล็อกในการตามหาทางช้างเผือกแบชัดๆได้แล้ว ถือว่าเป็นจบคืนแรกที่เดินทางมาเชียงใหม่ได้อย่างสวยงามและหายเหนื่อยเลยย เข้านอนได้
ทะเลหมอกยามเช้า บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ
ตื่นเช้าตั้งปลุกตั้งแต่6โมงเช้า เพราะคิดว่าเมื่อวานฝนตก เช้านี้หมอกมันต้องมา และที่คิดไว้มันก็มาจริงๆ เปิดหน้าต่างออกไปโอ้วโหวววว ขาวโพลนมาก รีบออกจากห้องพักเพื่อไปดูระเบียงด้านหน้าเต็มๆ มันเต็มไปด้วยทะเลหมอกจริงๆ ซึ่งที่พักของเราบนห้วยกุ๊บกั๊บ มันอยู่จุดที่สูงที่สุด และอยู่เหนือจากทะเลหมอกมันทำให้เห็นทะเลหมอกที่อยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจนและสวยงามมากๆ มันไม่ใช่แต่เป็นกลุ่มๆ แต่มันเป็นทั้งผืนเลยที่ปกคุลมด้านล่างทั้งหมดตามภูเขา และไหลพัดไปตามลม ฟินต้อนรับเช้านี้เลยย สดชื่นมากๆ
กินอาหารเช้าพร้อมกับทะเลหมอก @ ห้วยกุ๊บกั๊บ
ออกมาทานอาหารเช้า ที่นี่ก็มี ข้าวต้ม เตรียมไว้ให้ พร้อมกับขนมปังปิ้ง กาแฟ โอวันติน ชาร้อน ก็เลือกตามสบายเลย และพิเศษอีกแล้ว แม่มีนาเอา อโวคาโด มาให้กินฟรีๆด้วย ใจดีสุดๆไปเลย บริการดุจญาติมิตร อิ่มท้องตั้งแต่เช้าทานข้าวเช้าอย่างอิ่มหนำสำราญ ก็ถึงเวลา เตรียมเก็บของ อาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เพราะที่พัก จะขับรถลงไปส่งที่ท่ารถตอน10โมงกว่าๆ และฝนก็กำลังตั้งเมฆดำมาแล้วอีกด้วย รีบไปดีกว่าก่อนที่จะลงแบบเละเทะอีก
เก็บความทรงจำไว้ ณ บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ
ในระหว่างรอ พี่ๆ เจ้าของบ้านพัก พาเราลงไปส่งด้านล่าง ก็ยังพอมีเวลาได้ถ่ายรูปเล่น เดินไปมาบนโฮมสเตย์นี้ได้ ก็ถือว่าเป็นการ เก็บความทรงจำ ความประทับใจของที่นี้ไว้ ได้เป็นอย่างดีเลย “มีนาโฮมสเตย์ ยอดสุดของหมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊ก”
ถึงเวลาสิ้นสุดที่แรกของการเดินทางวันแรก
เริ่มต้นกับการเดินทางวันที่ 2 กันละ ทางที่พักเราใจดีขับรถไปส่งเราถึงท่ารถสองแถว ที่จะเข้าเมืองเชียงใหม่เลย ลงจากหมู่บ้าน เส้นทางก็ยังคงโหดร้ายเหมือนเดิม ทางโคลน ลูกรัง ตลอดเส้นทาง ใครคิดจะนอนในรถนี่อย่าได้หวังใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ก็เข้าเมือง ลงที่คิวรถสองแถว ต่อรถเข้าไปตัวเมืองเชียงใหม่ ที่สถานีขนส่งช้างเผือก เพื่อเริ่มต้นการเดินไปสถานที่ต่อไป ฝากติดตามกันต่อด้วยครับ ไปกันต้อออ….
บททิ้งท้าย การเดินทางมาหมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ
ถือว่าเป็นเส้นทางที่ไม่ยากและก็ไม่ง่าย อีกทั้งหมู่บ้านแห่งนี้นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จักหรือมามากนัก จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยความธรรมชาติอยู่ ความสงบของหมู่บ้าน ที่เปิดเป็นโฮมสเตย์ของชาวบ้านที่ช่วยกันสร้างขึ้นมาทำให้หมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บมันยังเลยมีความสวยงามแบบธรรมชาติ และใกล้ชิดกับธรรมชาติมากๆ ไฟฟ้าที่ยังเข้าไม่ถึง ชาวบ้านต้องใช้โซล่าเซลล์ เส้นทางถนน ที่ยังเป็นดินโคลน ลูกรัง ทำให้การเดินทางลำบากต้องใช้รถของชาวบ้าน และคนขับที่มีประสบการณ์เท่านั้น มันเลยเป็นสถานที่ๆต้องฝ่าฟันเข้ามา และเมื่อได้เข้ามาแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เจอบบรรยากาศแบบนี้ วิวทิวเขาที่อยู่ล้อมรอบ บ้านพี่ที่อยู่บนยอดดอยที่สูงกว่าระดับทั่วไป แต่ละช่วงเวลา มีความสวยงามที่แตกต่างกันไป “แดดจ้า ฟ้าโปร่ง เมฆครึ้ม ฝนตก ฟ้าเปิด ฟ้าหลังฝน ทะเลหมอก หมู่ดาว ทางช้างเผือก” ทำให้ผมได้เจอครบทุกอย่างเลย ในสถานที่ๆแห่งเดียวที่นี่
หมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ มีนาโฮมสเตย์ แล้วจะกลับมาพบกันอีก นอกรอบ